() แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:16 น. () สัญญาอนุญาต: ความเห็น (14) อยากรู้ค่ะ ขอบคุณ 13333 อยากรู้ก็จะได้รู้ครับ ขอบคุณที่แวะเข้ามาดูครับผม เปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นดนตรีไทยไปแล้ว ครูโย่ง เปลี่ยนจากไม้คมแฝกเป็นไม้ตีระนาด.... 555 ขอบคุณท่านผอ. ใช่แล้วครับ เปลี่ยนจากไม้คมแฝกเป็นไม้ตีระนาด ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ อยากรบกวนถามหน่อยนะคะ ว่า วงปี่พาทย์เครื่องคู่ บรรเลงประเภทไหน และมีเพลงอะไรบ้างคะ เอ่อ ไม่มีรูปวงหรอค่ะ- -* หน้าหาความรู้ ข้อมูลน้อยจังงับ เข้ามาศึกษาวงปี่พาทย์เครื่องคู่ครับ ขอบคุนคับ ขอบคุนจิงๆๆ ผมเลยทำการบ้านเส็ด ขอบคุณนร๊ะค่ะที่ให้ความรู้ +555 แต่ข้อมูลน่าจร๊ะมีมากกว่านี้นร๊ะค่ะ มาทักทายคุณครูโย่งก่อนมื้อเย็น พร้อมกับมาอ่านเรื่องราววงปี่พาทย์เครื่องคู่ ขอให้คุณครูโย่งมีความสุขมากๆนะคะ. อยากรู้อะครับว่า วงปี่พาทย์เสภาเครื่องคู่ กับ วงปี่พาทย์เครื่องคู่ เหมือนกันหรือป่าวอะครับ (ถ้าไม่เหมือนช่วยอธิบายวงปี่พาทย์เสภาเครื่องคู่ให้หน่อยได้ไหมครับ) อยากทราบว่าวงปี่พาทย์เครื่องคู่มีเพลงอะไรบ้าง หน้าแรก สมาชิก ครูโย่ง สมุด เรื่องของดนตรี วงปี่พาทย์เครื่องคู่ พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow ขอแนะนำ ClassStart ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ปี่มอญ 2. ระนาดเอก 3. ฆ้องมอญวงใหญ่ 4. ตะโพนมอญ 5. เปิงมาง 6. โหม่ง ( ใบเดียว) ต่อมาวงปี่พาทย์มอญได้มีวิวัฒนาการขยายวง เพิ่มเครื่องดนตรีตามแบบอย่างวงปี่พาทย์ไทย คือ เพิ่มเป็นวงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ และวงปี่พาทย์มอญเครื่องใหญ่ตามลำดับ ดังนี้ 3. ระนาดเอกเหล็ก 4. ระนาดทุ้ม 5. ระนาดทุ้มเหล็ก 6. ฆ้องมอญวงใหญ่ 7. ฆ้องมอญวงเล็ก 8. ตะโพนมอญ 9. เปิงมางคอก 10. ฉิ่ง 11. ฉาบเล็ก 12. ฉาบใหญ่ 13.
วงปี่พาทย์เครื่องคู่ เกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชการที่ 3 ได้ มีผู้คิดประดิษฐ์ ระนาดทุ้ม และ ฆ้องวงเล็ก ขึ้นจึงเกิดการประสมวง ใหม่โดยนำระนาดทุ้ม และฆ้องวงเล็กรวมเข้ากับวงปี่พาทย์เครื่องห้าเดิมและเพิ่มเติม ปี่นอก ซึ่งใช้ในการบรรเลง วงปี่พาทย์สำหรับการแสดง หนังใหญ่ เพื่อให้เครื่องดนตรีดำเนินทำนองทุกชนิดในวงมีจำ นวนเป็นคู่จึงประกอบไปด้วยเครื่องดนตรีดังนี้ - ปี่ใน 1 เลา - ปี่นอก 1 เลา - ระนาดเอก 1 ร าง - ระนาดทุ้ม 1 ราง - ฆ้องวงใหญ่ 1 วง - ฆ้องวงเล็ก 1 วง - กลองทัด 1 คู่ - ตะโพน 1 ลูก - ฉิ่ง 1 คู่ - ฉาบเล็ก 1 คู่ - โหม่ง 1 ใบ - กลองสองหน้า 1 ลูก หรือ กลองแขก 1 คู่
ใช้บรรเลงประกอบการแสดง เช่น การแสดงโขน และละครต่าง ๆ หรือแม้กระทั่ง การแสดงลิเกของภาคกลางก็สามารถใช้วงปี่พาทย์เครื่องคู่บรรเลงประกอบได้ด้วย 3. ใช้บรรเลงเพื่อความบันเทิงทั่วไป เช่น บรรเลงประกอบการขับร้องหรือบรรเลงเฉพาะ เครื่องดนตรีล้วน ๆ ไม่มีการขับร้องร่วมก็ได้ ที่สำคัญยังมีความเหมาะสมกว่าวงปี่พาทย์ เครื่องห้าอีกด้วย ทั้งเนื่องจากวงปี่พาทย์เครื่องคู่มีขนาดของวงในระดับกลาง ๆ ไม่เล็ก หรือไม่ใหญ่จน เกินไป การทำเพลงประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ข้างต้นนั้นจะทำให้ได้เสียงที่ผสมกลมกลืนกัน ดีกว่าวงปี่พาทย์เครื่องห้าอีกด้วย
ปี่ใน 2. ฆ้องวงใหญ่ 3. ตะโพน 4. กลองทัด ( ลูกเดียว) 5. ฉิ่ง ที่มาภาพ: - สมัยที่สอง สมัยอยุธยาตอนปลาย พบว่ามี " ระนาดเอก " เข้าร่วมด้วย ดังนี้ 1. ปี่ใน 2. ระนาดเอก 3. ฆ้องวงใหญ่ 4. ตะโพน 5. กลองทัด ( ลูกเดียว) 6. ฉิ่ง - สมัยที่สาม สมัยรัตนโกสิทร์ รัชกาลที่ ๑ เพิ่มกลองทัดเป็น ๒ ลูก เป็นคู่กัน ลูกหนึ่งมีเสียงต่ำ เรียกว่า " ตัวเมีย " อีกลูกหนึ่งมีเสียงสูง เรียกว่า " ตัวผู้ " เรียกวงปี่พาทย์วงนี้ว่า " วงปี่พาทย์เครื่องห้า " ประกอบด้วยเครื่องดนตรีดังนี้ 5. กลองทัด ( ๒ ลูก) ที่มาภาพ: